เมื่อพูดถึงคำว่า “ไขมัน” หลายคนอาจรู้สึกกังวลเพราะมักเชื่อมโยงกับโรคอ้วน ความดันสูง และโรคหัวใจ แต่ในความเป็นจริง ไขมันไม่ได้มีแต่โทษเสมอไป หากเลือกทานอย่างถูกต้อง ไขมันบางชนิดกลับมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจ ความแตกต่างระหว่างไขมันดี (HDL) และไขมันเลว (LDL) พร้อมเจาะลึกว่า พิสตาชิโอและอัลมอนด์ ซึ่งเป็นสองธัญพืชยอดนิยม มีบทบาทสำคัญอย่างไรในการลดคอเลสเตอรอลและป้องกันโรคหัวใจ
1. ไขมันคืออะไร และทำไมเราต้องการไขมัน?
ไขมัน (Fat) เป็นหนึ่งในสารอาหารหลัก (Macronutrients) เช่นเดียวกับโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ร่างกายของเราต้องการไขมันเพื่อ:
สร้างพลังงาน (1 กรัมไขมันให้พลังงานถึง 9 แคลอรี มากกว่าคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีนถึง 2 เท่า)
ดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น A, D, E และ K
รักษาความอบอุ่นของร่างกาย
ปกป้องอวัยวะภายใน
สร้างฮอร์โมนและสารสำคัญในระบบประสาท
แต่…ไม่ใช่ไขมันทุกชนิดที่ดีต่อสุขภาพ เราจึงต้องแยกความแตกต่างระหว่างไขมันดีและไขมันเลว
2. ไขมันดี vs ไขมันเลว ต่างกันอย่างไร?
ไขมันเลว (LDL: Low-Density Lipoprotein)
เป็นไขมันที่เมื่อมีมากเกินไปจะไปสะสมในผนังหลอดเลือด
ทำให้หลอดเลือดตีบและแข็ง เกิดภาวะ หลอดเลือดอุดตัน (Atherosclerosis)
เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
ไขมันดี (HDL: High-Density Lipoprotein)
ทำหน้าที่เหมือน “เครื่องเก็บขยะ” ของระบบหลอดเลือด
ช่วยพาไขมันส่วนเกินและ LDL กลับไปสู่ตับเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย
ระดับ HDL สูง มักสัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคหัวใจที่ต่ำลง
3. ประเภทของไขมันในอาหาร
ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) – พบมากในเนื้อสัตว์ติดมัน หนังสัตว์ เนย
หากทานมากเกินไปจะเพิ่มระดับ LDL
ไขมันทรานส์ (Trans Fat) – พบในอาหารแปรรูป เช่น มาร์การีน คุกกี้ ขนมกรอบ
เป็นไขมันอันตรายที่สุด ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat) – พบในอัลมอนด์ พิสตาชิโอ น้ำมันมะกอก
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fat) – เช่น โอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในถั่วและเมล็ดพืช
ดีต่อสมอง หัวใจ และลดการอักเสบในร่างกาย
4. พิสตาชิโอ: ธัญพืชสีเขียวเพื่อหัวใจ
คุณค่าทางโภชนาการ (ต่อ 28 กรัม / ประมาณ 49 เมล็ด)
แคลอรี: 160
ไขมัน: 13 กรัม (ส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัว)
โปรตีน: 6 กรัม
ไฟเบอร์: 3 กรัม
ลูทีนและซีแซนทีน: สารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อดวงตา
พิสตาชิโอกับคอเลสเตอรอล
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การทานพิสตาชิโออย่างสม่ำเสมอช่วย:
ลดระดับ LDL (ไขมันเลว)
เพิ่มระดับ HDL (ไขมันดี)
ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ
กลไกการทำงาน
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในพิสตาชิโอช่วยปรับสมดุลไขมันในเลือด
ไฟเบอร์ช่วยจับคอเลสเตอรอลในลำไส้และขับออก
สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการอักเสบของผนังหลอดเลือด
5. อัลมอนด์: ของว่างเพื่อสมองและหัวใจ
คุณค่าทางโภชนาการ (ต่อ 28 กรัม / ประมาณ 23 เม็ด)
แคลอรี: 160
ไขมัน: 14 กรัม (ส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว)
โปรตีน: 6 กรัม
ไฟเบอร์: 3.5 กรัม
วิตามินอี: 37% ของความต้องการต่อวัน
อัลมอนด์กับคอเลสเตอรอล
อัลมอนด์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายว่าเป็น “ถั่วลดคอเลสเตอรอล” โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง
งานวิจัยตีพิมพ์ใน Journal of the American Heart Association พบว่า การทานอัลมอนด์แทนของว่างทั่วไป สามารถลดระดับ LDL ได้ชัดเจน และยังช่วยคงระดับ HDL ให้อยู่ในเกณฑ์ดี
กลไกการทำงาน
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวช่วยลด LDL โดยตรง
วิตามินอีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดออกซิเดชันของ LDL ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน
ไฟเบอร์ในอัลมอนด์ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้
6. พิสตาชิโอ vs อัลมอนด์: ถั่วชนิดไหนดีกว่ากัน?
คุณสมบัติ พิสตาชิโอ อัลมอนด์ ไขมันไม่อิ่มตัว สูง สูงมาก วิตามินอี ปานกลาง สูง ลูทีน & ซีแซนทีน สูง ต่ำ โปรตีน 6 กรัม 6 กรัม ผลต่อ HDL/LDL ดี ดีเยี่ยม
👉 คำตอบคือ ทั้งคู่ดีพอ ๆ กัน แต่เสริมกันได้
ถ้าอยากเน้น หัวใจและการมองเห็น → พิสตาชิโอ
ถ้าอยากเน้น สมองและผิวพรรณ → อัลมอนด์
7. วิธีทานให้ได้ประโยชน์สูงสุด
เลือกแบบไม่ใส่เกลือและไม่เคลือบน้ำตาล – เกลือมากไปทำให้เสี่ยงความดันสูง น้ำตาลเพิ่มพลังงานส่วนเกิน
กินในปริมาณพอเหมาะ – ประมาณ 1 กำมือ (28 กรัม) ต่อวัน
ทานแทนของว่างไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น มันฝรั่งทอดหรือขนมหวาน
เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ – บดหรือสับให้เล็กลงหากฟันไม่แข็งแรง
8. งานวิจัยสนับสนุน
งานวิจัยใน American Journal of Clinical Nutrition พบว่า คนที่ทานถั่ววันละ 1–2 กำมือ มีความเสี่ยงโรคหัวใจลดลงถึง 30%
การศึกษาที่ Penn State University พบว่า พิสตาชิโอช่วยลด LDL ลงเฉลี่ย 9–12% หลังจากทานต่อเนื่อง 1 เดือน
การทดลองในผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง พบว่า การกินอัลมอนด์วันละ 42 กรัม ช่วยลด LDL ได้ถึง 7–10% ภายใน 6 สัปดาห์
9. ใครควรระวังการทานถั่ว?
ผู้ที่แพ้ถั่วเปลือกแข็ง (Nut allergy)
ผู้ที่ควบคุมแคลอรีอย่างเข้มงวด เนื่องจากถั่วให้พลังงานสูง
ควรระวังการเก็บรักษา เพราะถั่วอาจหืนหรือติดเชื้อราได้ง่าย
สรุป
ไขมันไม่ได้เลวร้ายเสมอไป หากเลือกทานไขมันดีจากแหล่งที่เหมาะสม เช่น พิสตาชิโอและอัลมอนด์ ซึ่งอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินอี ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ การทานถั่วเหล่านี้ทุกวันในปริมาณพอเหมาะจะช่วย ลด LDL เพิ่ม HDL ป้องกันโรคหัวใจ และเสริมสุขภาพระยะยาว
ดังนั้น อย่ากลัวไขมัน แต่จงเลือก “ไขมันดี” เข้าสู่ร่างกาย แล้วหัวใจ สมอง และหลอดเลือดของคุณจะขอบคุณในระยะยาว