ในยุคที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ Self-care และ Wellness มากขึ้น “ผิวดี” จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องสำอางหรือสกินแคร์อีกต่อไป แต่คือผลลัพธ์ของ การดูแลจากภายใน โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินที่สัมพันธ์โดยตรงกับสุขภาพผิว
ในหมวดของ Superfoods สำหรับผิว ถั่วและเมล็ดธัญพืชถูกพูดถึงบ่อยมาก ไม่ใช่แค่เพราะมีไขมันดี แต่เพราะเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ส่งตรงไปถึงผิวจริงๆ โดยเฉพาะ วิตามิน E, ไบโอติน และ Zinc (ซิงก์) ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างยอดเยี่ยม
วันนี้เราจะพามาเจาะลึกว่า “กินถั่วแล้วผิวปัง” นั้นเป็นเรื่องจริงแค่ไหน และควรกินถั่วชนิดไหนให้ผิวปังแบบ Gen Z ตัวแม่!
กินถั่วแล้วผิวปัง!
“ราชินีแห่งความสวยจากธรรมชาติ”
อัลมอนด์คือถั่วที่ขึ้นชื่อที่สุดเรื่องการบำรุงผิว เพราะมี วิตามิน E สูงมาก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด ช่วยชะลอวัย ปกป้องผิวจากการทำลายของรังสี UV และมลภาวะ อีกทั้งยังให้ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ที่ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง
ประโยชน์ผิวจากอัลมอนด์
ลดริ้วรอยก่อนวัย
ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น
ลดการอักเสบของผิว
ป้องกันการเกิดสิวจากอนุมูลอิสระ
👉 Tip: กินอัลมอนด์อบ (ไม่เค็ม) วันละ 10–15 เม็ด เท่ากับได้วิตามิน E เกือบครึ่งของที่ควรได้รับต่อวัน!
“ถั่วนุ่ม เคี้ยวมัน ที่ให้มากกว่าความอร่อย”
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อุดมไปด้วย ไบโอติน (Biotin) ซึ่งเป็นวิตามินกลุ่ม B ที่ช่วยสร้างเซลล์ผิว ผม และเล็บใหม่อย่างมีคุณภาพ คนที่มีปัญหาผิวแห้ง ผมร่วง หรือเล็บเปราะ มักขาดไบโอตินโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ยังมี ทองแดง (Copper) ซึ่งช่วยในกระบวนการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งขึ้นด้วย
ประโยชน์ผิวจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์
บำรุงผิว ผม เล็บ จากภายใน
ป้องกันผิวแห้ง ลอก
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ลดความหมองคล้ำของผิวหน้า
👉 Tip: กินเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ (ไม่เค็ม) วันละ 10–12 เม็ด เป็นขนมช่วงบ่ายแทนของหวานได้เลย
“ธัญพืชสายแซ่บ ที่ให้ผิวสวยแบบสายลุย”
เมล็ดฟักทองมี ซิงก์ (Zinc) สูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมเซลล์ผิว ลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดสิว เหมาะกับคนที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย รวมถึงคนที่ใช้ชีวิตกลางแจ้ง หรือเผชิญความเครียดเป็นประจำ
ประโยชน์ผิวจากเมล็ดฟักทอง
ลดการเกิดสิวจากฮอร์โมน
ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่โดนทำร้าย
สมานผิวที่เป็นแผลเร็วขึ้น
ป้องกันผิวจากการติดเชื้อเล็กน้อย
👉 Tip: โรยเมล็ดฟักทองลงบนโยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต หรือสลัด ช่วยให้มื้อเบาๆ มีพลังงานและดีต่อผิว
เพราะผิวต้องการ “วัตถุดิบดีๆ” มาซ่อมแซมและสร้างใหม่ทุกวัน ไม่ต่างจากการสร้างกล้ามเนื้อ! ถั่วและเมล็ดธัญพืชให้ทั้ง:
ไขมันดี → บำรุงผิวให้นุ่มและชุ่มชื้น
โปรตีนจากพืช → สร้างผิวใหม่ให้แข็งแรง
สารต้านอนุมูลอิสระ → ป้องกันผิวเสื่อมจากแดดและฝุ่น
แร่ธาตุสำคัญ → ฟื้นฟูผิวลึกถึงเซลล์
และข้อดีอีกอย่างคือ “ย่อยง่าย พกง่าย กินสะดวก” เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของ Gen Z ที่ไม่มีเวลามาก แต่อยากสวยแบบยั่งยืน
โยเกิร์ตถ้วยผิวใส
โยเกิร์ต low-fat + อัลมอนด์ + เมล็ดฟักทอง + แครนเบอร์รี่อบแห้ง
กินเป็นมื้อเช้าหรือขนมว่างช่วงบ่าย
สมูทตี้ผิวปัง
กล้วย + นมอัลมอนด์ + เม็ดมะม่วงหิมพานต์ + ผงโกโก้
ปั่นรวมแล้วเพิ่มเมล็ดเจียด้านบน
โอ๊ตบอลบำรุงผิว
ข้าวโอ๊ต + เนยอัลมอนด์ + น้ำผึ้ง + อัลมอนด์บด
ปั้นเป็นลูกเล็กๆ แช่เย็นไว้กินเล่นได้หลายวัน
แม้ถั่วจะดีต่อผิว แต่ก็ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะถั่วมีไขมันและพลังงานสูง
เคล็ดลับ:
เลือกถั่วอบ/ถั่วดิบ แทนถั่วทอด
หลีกเลี่ยงถั่วเค็ม เพราะโซเดียมทำให้ผิวบวมน้ำ
กินวันละ 1 กำมือเล็กๆ (ประมาณ 20–30 กรัม) ก็พอ
หากคุณอยากผิวปังแบบไม่ต้องง้อคลินิกแพงๆ ลองหันมากิน “ถั่วเพื่อผิว” อย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเมล็ดฟักทองในชีวิตประจำวัน เพราะธรรมชาติให้สารอาหารดีๆ ที่ช่วยบำรุงผิวได้อย่างตรงจุด แถมกินง่าย เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสวยแบบ sustainable