จริงหรือไม่? เฮเซลนัทช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ในยุคที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น “อาหารเพื่อหัวใจ” กลายเป็นหนึ่งในคีย์เวิร์ดที่หลายคนค้นหา ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ วอลนัท พิสตาชิโอ และเฮเซลนัท ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ แต่คำถามคือ เฮเซลนัทช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้จริงหรือไม่?

บทความนี้จะพาคุณมาสำรวจเชิงลึกทั้งด้านโภชนาการ ข้อค้นพบจากงานวิจัย ประโยชน์จริงที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงวิธีการรับประทานอย่างเหมาะสม เพื่อไขคำตอบอย่างครบถ้วน


เฮเซลนัทคืออะไร?

เฮเซลนัท (Hazelnut) เป็นถั่วที่ได้จากต้น Corylus avellana ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในยุโรปและเอเชียตะวันตก ปัจจุบัน ตุรกี เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็นกว่า 70% ของการผลิตทั้งหมด เฮเซลนัทนิยมบริโภคทั้งแบบอบกรอบ, แปรรูปเป็นนมเฮเซลนัท, น้ำมันเฮเซลนัท หรือใช้ในขนมหวาน เช่น Nutella และ Ferrero Rocher

แต่เหนือสิ่งอื่นใด เฮเซลนัทคือแหล่งรวมสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ “หัวใจ”


สารอาหารสำคัญในเฮเซลนัท

การทำความเข้าใจว่า “อะไรในเฮเซลนัท” ที่อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ

1. ไขมันดี (Monounsaturated Fatty Acids: MUFA)

  • เฮเซลนัทมีไขมันประมาณ 60% ของน้ำหนัก
  • ส่วนใหญ่เป็น ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (โอเลอิกแอซิด)
  • มีคุณสมบัติช่วยลดระดับ LDL (ไขมันเลว) และเพิ่ม HDL (ไขมันดี)

2. วิตามิน E

  • สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย
  • มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงภาวะหลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis)

3. แมกนีเซียม (Magnesium)

  • มีบทบาทในการควบคุมความดันโลหิต
  • ช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจให้เป็นปกติ

4. โฟเลต (Folate)

  • มีส่วนช่วยลดระดับ Homocysteine ในเลือด ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโรคหัวใจ

5. ไฟเบอร์ (Dietary Fiber)

  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอล
  • ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมและการทำงานของหัวใจ

งานวิจัยที่สนับสนุน

หลายงานวิจัยทางการแพทย์ได้ศึกษา “ผลของถั่วและเฮเซลนัท” ต่อสุขภาพหัวใจ

  1. Journal of Nutrition (2015):
    การรับประทานถั่วรวมถึงเฮเซลนัทช่วยลดระดับ LDL cholesterol ได้อย่างมีนัยสำคัญ
  2. European Journal of Clinical Nutrition (2011):
    กลุ่มทดลองที่ทานเฮเซลนัท 30-60 กรัมต่อวัน มีระดับ ไขมันในเลือดดีขึ้น โดยไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม
  3. Meta-analysis 2018:
    การกินถั่ว 1 กำมือ (ประมาณ 28-30 กรัม) ต่อวันสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ถึง 21%

กลไกที่เฮเซลนัทช่วยดูแลหัวใจ

  1. ลด LDL (ไขมันเลว) → ลดการสะสมไขมันในผนังหลอดเลือด
  2. เพิ่ม HDL (ไขมันดี) → ช่วยขจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกิน
  3. ต้านอนุมูลอิสระ → ชะลอการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง
  4. ควบคุมความดันโลหิต → แมกนีเซียมและโพแทสเซียมช่วยสมดุล
  5. ลดการอักเสบ → สารไฟโตนิวเทรียนท์ช่วยลด chronic inflammation ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจ

วิธีการกินเฮเซลนัทให้ได้ประโยชน์

  • ปริมาณที่เหมาะสม: 25-30 กรัมต่อวัน (ประมาณ 20-25 เมล็ด)
  • วิธีบริโภค:
    • กินเป็นของว่างแทนขนมหวาน/ขนมกรุบกรอบ
    • ใส่ในซีเรียล, โยเกิร์ต, สลัด, ข้าวโอ๊ต
    • ทำเป็น nut butter หรือนมเฮเซลนัท
  • ข้อควรระวัง:
    • คนแพ้ถั่วต้องหลีกเลี่ยง
    • ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะมีแคลอรี่สูง

เฮเซลนัท vs ถั่วชนิดอื่น: ใครเหมาะกับหัวใจมากกว่า?

  • อัลมอนด์: ดีต่อการลดคอเลสเตอรอลเช่นกัน
  • วอลนัท: เด่นเรื่องโอเมกา-3 → เหมาะมากกับสุขภาพหัวใจ
  • พิสตาชิโอ: ช่วยควบคุมความดัน
  • เฮเซลนัท: โดดเด่นเรื่องวิตามิน E และ MUFA

สรุป: ไม่มีถั่วชนิดใดดีที่สุดเพียงชนิดเดียว แต่เฮเซลนัทคือหนึ่งใน “ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม” สำหรับหัวใจ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: กินเฮเซลนัทแทนยาลดคอเลสเตอรอลได้ไหม?

❌ ไม่ได้ ควรใช้เป็นส่วนหนึ่งของการกินอาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่การรักษา

Q2: ควรกินดิบหรืออบกรอบดีกว่า?

  • อบกรอบไม่ใส่เกลือ/น้ำตาล ดีที่สุด
  • เลี่ยงแบบเคลือบช็อกโกแลตหรือน้ำตาล

Q3: เด็กหรือผู้สูงอายุทานได้ไหม?

✅ ได้ แต่ควรระวังการสำลัก และทานในปริมาณเหมาะสม


บทสรุป

จริง! เฮเซลนัทมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ด้วยคุณค่าของไขมันไม่อิ่มตัว วิตามิน E แมกนีเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลด LDL เพิ่ม HDL ควบคุมความดัน และต้านการอักเสบ

อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของเฮเซลนัทจะชัดเจนที่สุดเมื่อรับประทาน อย่างพอเหมาะ ร่วมกับอาหารสุขภาพอื่น ๆ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาของว่างที่ทั้งอร่อยและดีต่อหัวใจ “เฮเซลนัทอบกรอบ” คือตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

palm palm

Recent Posts