เม็ดมะม่วงหิมพานต์เผาโบราณเม็ดท่อน 1kg
ของดีจากนครศรีฯ ต้องมะม่วงหิมพานต์แม่เฒ่าเอียด”
ไม่ต้องบินไกลถึงนครศรีธรรมราช แม่เฒ่าเอียดก็จัดของดีของดังมาส่งตรงถึงที่ด้วยมะม่วงหิมพานต์เผาโบราณ ที่มีมาให้เลือกมากถึง 6 รสชาติ สาวๆ ที่ดูแลสุขภาพสามารถเลือกมะม่วงหิมพานต์ เป็นทางเลือกสำหรับการลดน้ำหนัก เพราะเป็นแหล่งพลังโปรตีนและวิตามันสูง มาพร้อมกับไขมันที่ต่ำ นอกจากนี้ คุณแม่สายเสน่ห์ปลายจวัก ก็นำไปปรุงแต่งหารเพื่อคนในครอบครัวได้นะคะ
“แม่เฒ่าเอียด” มะม่วงหิมพานต์เผาโบราณ ปลูกในพื้นที่ดินธรรมชาติ 100% ติดทะเล ทำให้ผลผลิตที่ได้เนื้อแน่น หวานอุดมไปด้วยวิตามินกว่า 10 ชนิด และกรรมวิธีการเผาแบบโบราณสูตรเก่าแก่ดั้งเดิมกว่า 100 ปี
โดยวิธีการเก็บผลมาจากต้นมะม่วงหิมพานต์แล้วนำไปตากแห้งก่อนนำเม็ดไปเผาไฟด้วยความร้อนสูง การเผาจะไม่ใช้น้ำมันในการเผาจึงไม่มีคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกาย กระบวนการ “เผา” ต่างจากกรรมวิธีการ อบ ทอด ต้ม ตามท้องตลาด ตรงที่ หอม หวานกว่าและ ” ธรรมชาติ 100% ” และได้มาตราฐานการส่งออก เช่น อย Halal GMP Codex
เคล็ดลับความอร่อย
ใช้กรรมวิธีการเผาสูตรลับของครอบครัวที่แตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ ทำให้มีความแตกต่างจากท้องตลาดทั่วๆไปตรง มีความหอม มัน และคงความฟรุตตี้หวานเป็นธรรมชาติของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่หาทานได้ยาก
การันตีความอร่อยจากรางวัลที่ได้รับ เช่น
– SME PROVINCIAL CHAMPIONS 2020 ของดีประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
– THE WINNER OF SUPER SME AWARD JOYFUL by JD CENTRAL
สนับสนุนเกษตรกร สนับสนุนชุมชนให้มีงานทำไม่ต้องทำงานนอกพื้นที่ และสนับผู้สูงอายุให้มีรายได้พิเศษอีกด้วย
ช่องทางการซื้ออื่นๆ ค้นหา มะม่วงหิมพานต์เผาโบราณ แม่เฒ่าเอียด
หรือหาซื้อได้ ที่ Lemon Farm , Baimiang , Golden Place , Villa Supermarket , Lotus
ประโยชน์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์
1. ระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ
งานวิจัยพบว่า การรับประทานถั่ว เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ซึ่งอาจเกิดผ่านการลดความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี
ถั่วนั้นเป็นอาหารที่ไม่มีคอเลสเตอรอลตามธรรมชาติ และมีไขมันชนิดที่ดีต่อหัวใจ เส้นใยอาหาร และโปรตีน นอกจากนั้นยังมีอาร์จินีน (Arginine) ซึ่งช่วยป้องกันเยื่อบุด้านในของผนังเส้นเลือดแดงด้วย
วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ที่พบในถั่ว เช่น โพแทสเซียม วิตามินอี วิตามินบี 6 และกรดโฟลิกนั้นก็สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้เช่นกัน อีกทั้งยังสามารถช่วยบำรุงเลือดได้
ทองแดง และเหล็กในเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นทำงานร่วมกันในการช่วยให้ร่างกายสร้าง และใช้งานเม็ดเลือดแดง ซึ่งจะช่วยให้เส้นเลือด เส้นประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน และกระดูก แข็งแรง ทำงานเป็นปกติ
2. การมองเห็น
เราอาจจะเคยได้ยินว่า แครอทนั้นดีต่อดวงตา แต่อาจจะแปลกใจที่พบว่า เม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็เช่นกัน
โดยในเม็ดมะม่วงหิมพานต์นี้มีลูเทอิน (lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หากรับประทานสม่ำเสมอในปริมาณที่สูง สารเหล่านี้จะช่วยป้องกันการทำลายดวงตาจากแสง (ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตาบอดในผู้สูงอายุ) และอาจจะช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคต้อกระจกได้
3. การควบคุมน้ำหนัก
งานวิจัยหนึ่งพบว่า การรับประทานถั่ว 1 กำมือต่อวัน สามารถช่วยต่อสู่กับโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน และมะเร็งได้
การเปลี่ยนจากการรับประทานไขมันจากสัตว์ และโปรตีน มาเป็นไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวที่พบในเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นเป็นวิธีที่ดีในการควบคุมน้ำหนัก ลดไขมันและคอเลสเตอรอลที่อยู่ภายในร่างกาย
4. ต้านโรคเบาหวาน
สารสกัดจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีประสิทธิภาพในการต้านโรคเบาหวาน
โดยสามารถกระตุ้นให้เกิดการลำเลียงน้ำตาลเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น มีผลควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance)
5. ชะลอวัย
ยอดมะม่วงหิมพานต์มีประสิทธิภาพในการต้านสารอนุมูลอิสระสูงมาก มีค่า ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) เป็นค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหาร สูงถึง 7,278 ไมโครโมลทีอี
จึงช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย และชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของความแก่ได้
การบริโภคเม็ดมะม่วงหิมพานต์อย่างปลอดภัย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีสารอาหารหลายชนิด แต่ก็ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม และระมัดระวังในการบริโภคสารปรุงแต่งที่เพิ่มลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดด้วย เช่น เกลือ เนย หรือน้ำตาล
นอกจากนี้การสัมผัสกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ไม่ผ่านความร้อน หรือการปรุงสุกมาก่อน ยังอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนังได้
ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานอาหาร อาหารเสริม หรือสารใดๆ จากเม็ดมะม่วงหิมพานต์เสมอ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
และยังสามารถรับประทานก่อนอาหารไม่เกินครั้งละ 10 เม็ดเพื่อช่วยให้อิ่มง่ายขึ้น หรือรับประทานเป็นขนมได้ประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อลดการรับประทานขนมอื่นๆ ที่มีส่วนผสมไขมัน นม เนย น้ำตาล แป้งที่เยอะเกินไป
ใครบ้างที่ต้องระมัดระวังการบริโภคเม็ดมะม่วงหิมพานต์
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในการบริโภคเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้
1. หญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จากอาหารมีความปลอดภัย แต่ไม่ควรรับประทานในปริมาณมากเพื่อหวังผลทางการรักษาโรค เนื่องจากไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ
2. ผู้ที่แพ้ถั่ว หรือสารเพคติน (Pectin)
ผู้ที่แพ้เพคตินซึ่งเป็นสารที่อยู่ในพืช รวมทั้งถั่วและเมล็ดพืชบางชนิด เช่น พิสตาชิโอ อัลมอนด์ ฮาเซลนัท ถั่วลิสง อาจแพ้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ได้เช่นกัน
ดังนั้นผู้ที่มีประวัติอาการแพ้ดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเสมอ
3. ผู้ป่วยเบาหวาน
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลเพิ่มสูงขึ้น ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่รับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์ควรหมั่นตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ และแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนบริโภคเสมอ