กรรมวิธีเผามะม่วงหิมพานต์ดั้งเดิมกว่า 100 ปี หาดูได้ยากและอร่อยที่สุดในโลก

กรรมวิธีแปรรูปมะม่วงหิมพานต์ในปัจจุบันมีอะไรบ้าง ?

1.มะม่วงหิมพานต์เผาแบบดั้งเดิม (อร่อยที่สุด)

1 หากะทะ เหล็ก หรือสังกะสี รั่วมาสักใบนึง
2 ตั้งเตาไฟค่ะ เอาเม็ดมะม่วงใส่เลยทั้งหมด ไม่เกินครึ่งของกะทะนะคะ
3 หาไม้ยาวๆ เอาใว้คั่วหรือคนนะคะ
4 คั่วไปเรื่อย เอาไม้คน กวนเร็วๆ (ไม่ใช้น้ำมัน)
5 พอมันเริ่มกระเด็นกระดอน ต้องระวังไม่ให้ยางโดนผิวหนัง มิฉะนั้นผุพองได้ คั่วสักพักไฟจะเริ่มลุกและเริ่มจะสุก สีเปลือกมันจะค่อนข้างดำทีเดียว คล้ายจะเริ่มๆเป็นถ่าน
6 ยกลงจากเตา ถ้าเข้าไปยกใกล้ๆ ไม่ได้ก็คว่ำกะทะเลยค่ะ รอให้ไฟดับค่ะ รอให้มันเย็นๆ ลงก่อน
7 เอาสาก ไม้ ฆ้อน มาเคาะเปลาะมันออก เก็บเนี้อในไว้ในขวดโหลปิดสนิท ค่ะ

(จริงๆมีกรรมวิธีการคั่วอีกแบบค่ะ การคั่วที่เม็ดไม่โดนไฟโดยตรงค่ะแต่จะใช้อย่างอื่นมาช่วยคั่วเช่น ข้าวเป็นต้นค่ะ)

2. มะม่วงหิมพานต์อบทั่วไป

1 นำถั่วไปแช่น้ำ ก่อนคะ แล้วค่อยน้ำไปต้ม
2 วอร์มเตาอบ ใช้ไฟ 180 ไฟบนล่าง
3 นำเม็ดวางกระจายในถาด นำเข้าอบ
4 เปิดเตา แอบดูบ้าง เอาถั่วออกมาคนๆเกลี่ยๆ ทุกๆ 4-5 นาที อบประมาณ 20 นาที แล้วแต่เตาค่ะ
5 พอเห็นว่าเม็ดถั่วเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทองก็เอาออกจากเตา มาผึ่งจนเย็นตัว

3.  มะม่วงหิมพานต์ทอด

1 เตรียมกะทะ ยังไม่จุดไฟแล้วเทเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป
2 ใส่น้ำมันลงไป เทให้ท่วมเม็ดมะม่วง
3 คนน้ำมันซักประมาณ 10 นาที ค่ะ ใช้ไฟกลางค่อนทางอ่อน
4 คนเบาๆ พลิกกลับด้าน น้ำมันจะเริ่มอุ่นๆ
5 พอน้ำมันเริ่มเป็นฟอง ให้คนตลอด จะเริ่มมีกลิ่นหอม
6 พอได้กลิ่นหอมๆให้ปิดไฟคนให้ทั่ว ไม่ต้องสนใจสีว่ายังไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง รีบตักใส่กระชอนช้อนขึ้น เขย่าให้สะเด็ดน้ำมัน

 

กินมะม่วงหิมพานต์ อ้วนไหม ?

ความเชื่อที่ว่าทานถั่วแล้วจะอ้วน ไม่เป็นความจริงเสมอไปค่ะ เพราะถึงแม้ว่าในถั่วจะมีไขมันอยู่ถึง 50% แต่ไขมันในถั่วส่วนใหญ่จะเป็นไขมันที่ดี นอกจากนั้นยังมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายและไฟเบอร์สูง แต่ถ้าหากทานในปริมาณมากก็จะทำให้อ้วนได้นะคะ วันนี้เรามีถั่วชนิดหนึ่งที่สามารถทานได้โดยไม่ต้องกลัวอ้วนมาแนะนำ นั่นก็คือ “เม็ดมะม่วงหิมพานต์” ค่ะ

ทำไมทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์แล้วไม่อ้วน?

ในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ประมาณ 1 กำมือ หรือ 28 กรัมนั้น ให้พลังงานเพียง 140 กิโลแคลอรี่ โดยมีไขมันไขมันส่วนใหญ่เป็นไขมันที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย ในเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีปริมาณเส้นใยสูงมาก เมื่อเทียบกับถั่วประเภทอื่นๆ จึงช่วยลดการดูดซึมไขมันได้ดี สามารถช่วยในเรื่องคอเลสเตอรอลในเลือดได้ และยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังมีโปรตีนสูง สามารถทานแทนเนื้อสัตว์ต่างๆได้ ทำให้อิ่มเร็วขึ้นและอยู่ท้องอีกด้วย

มะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม กี่ kcal ?

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 g จะให้พลังาน 553 Kcal แต่จะเป็นไขมันดี และคาร์ไฮเดรต ที่ดูซืมช้า จึงดีต่อสุขภาพ ในท้องตลาดจะมี มะม่วงหิมพานต์ อยู่ 3 ประเภท หลักๆคือ 1.การต้ม(การอบ) 2.การทอด 3.การคั่ว(การเผา) และยิ่งถ้าใช้น้ำมันในการทอด ก็จะยิ่งให้พลังงานเยอะขึ้นไปอีกค่ะ

 

มะม่วงหิมพานต์ ภาษาใต้ ?

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบ ชื่อพื้นเมืองมีหลายชื่อแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น “ยกร่อง ตำหยาว ท้ายล่อ กาหยี ม่วงล่อ หัวครก กะแตแหล กาจู กาหยู ส้มม่วงชูหน่าย (ใต้) กะแตแก (มาลายู,นราธิวาส) กายี (ตรัง) นายอ (มาลายู-ยะลา) มะม่วงกาสอ (อุตรดิตถ์) มะม่วงกุลา มะม่วงสังกา มะม่วงสิงหน มะม่วงหยอด (ภาคเหนือ) มะม่วงทูนหน่วย ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์มากที่สุดคือเมล็ด ซึ่งเป็นนัท ในกลุ่ม Tree nuts

มะม่วงหิมพานต์ เซเว่น (7-11)

การคั่วต่างจากการอบ! โดยทั่วไปที่ขายตามท้องตลาด แม้กระทั้งเซเว่น ที่ขายสวนใหญ่จะเป็นอบค่ะ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ ข้อดีของการอบคือ เม็ดจะสวยไม่มีสีดำ แต่จะไม่มีกลิ่นหอมเหมือนการคั่ว ส่วนเรื่องปริมาณการอบจะมีน้ำหนักมากกว่าทำให้ปริมาณเม็ดน้อยกว่าการคั่ว เพราะว่าการคั่วจะทำให้น้ำในเม็ดออกมามากกว่าการ”อบ” ทำให้มะม่วงหิมพานต์ในปริมาณ 100 กรัมเท่าๆกัน การคั่วจะได้เม็ดที่เยอะกว่าการอบนั้นเอง

ถึงแม้ว่าการคั่วด้วยไฟร้อนจะทำให้เม็ดแตกหักง่าย แต่กรรมวิธีการทำแบบธรรมชาติทำให้ หอมกินคั่ว มัน กรอบ แม่เฒ่าเอียดรับรองได้ว่าอร่อยกว่าแน่นอนค่ะ !

กรรมวิธีเผาดั้งเดิมกว่า 100 ปี ที่หาดูได้ยาก สืบทอดกันมาจนถึงรุ่นแม่เฒ่าเอียด